การประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า

                ในช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับปลัดกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสวมสิทธิ์ของสินค้าไทย และการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมายไทย จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดช่องว่างของกฎหมายที่อาจเอื้อต่อการสวมสิทธิ์และการประกอบธุรกิจในลักษณะนอมินี เข้มงวดเรื่องการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพสินค้า ทบทวนเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะการกำหนดให้มีการจ้างงานแรงงานไทยและใช้ปัจจัยการผลิตในประเทศ และพัฒนาการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับนโยบาย One Stop Service เพื่อให้การบริการประชาชนเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และลดภาระของประชาชนทั้งเรื่องขั้นตอนและเวลา
                นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า จากรายงานของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณในเดือนที่ผ่านมา พบว่า งบลงทุนภาครัฐในปีนี้ มีการเบิกจ่ายแล้วประมาณ ๕ แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๔ ของงบลงทุนทั้งหมด ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายงบลงทุนอย่างต่อเนื่อง และอาจนำมารายงานในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการต่อไป

                นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า บทบาทที่สำคัญประการหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ คือ การเร่งส่งเสริมสินค้าเกษตรไทย จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในการวางแผนและดำเนินการเพื่อพยุงราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ ปราศจากพ่อค้าคนกลาง และส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทย รวมไปถึงการสนับสนุนโครงการ Thai Select โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ทั้งในด้านมาตรฐานการรับรองคุณภาพวัตถุดิบและการให้การสนับสนุนด้านต้นทุนการขนส่ง นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งขับเคลื่อนการค้า การลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และดำเนินการรับมือผลกระทบของมาตรการการค้าของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรี (FTA) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด